ทันหุ้น – ADB ส่งสัญญาณทิศทางไตรมาส 1/64 สดใส โตทุกลุ่มธุรกิจ เม็ดพลาสติกคอมปาวน์สายไฟรับแรงหนุนโครงการภาครัฐ ตุนออเดอร์รอส่งเพียบ ขณะที่พลาสติกการแพทย์รับอานิสงส์โควิด-19 ปัจจุบันเดินกำลังการผลิตเกือบ 100% แย้มอยู่ระหว่างเจรจาพาร์เนอร์ญี่ปุ่นต่อยอดธุรกิจ
นางสาวพรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB ผู้ประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ กาวสำหรับอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์ยาแนว เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 1/2564 ที่ผ่านมาเติบโตค่อนข้างดีจากทุกกลุ่มธุรกิจ
ทั้งนี้ในกลุ่มเม็ดพลาสติกคอมปาวด์กลุ่มสายไฟ กลุ่มสาธารณูปโภค และผู้รับเหมายังเติบโตไปตามทิศทางของงบประมาณจากภาครัฐ จากทั้งโครงการติดตั้งสายไฟบนดินและใต้ดิน ซึ่งภาครัฐจะมีงบประมาณออกมาตั้งแต่ช่วงปลายปี เดือนประมาณเดือนกันยายน ทำให้บริษัทเห็นทิศทางคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) จากลูกค้ามาแล้วในช่วงปลายปีก่อน ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์ในมือรอส่งมอบอยู่ 1 ไตรมาส ซึ่งเป็นออเดอร์ล่วงหน้าจากลูกค้า
การแพทย์โตดี
ขณะที่กลุ่มเม็ดพลาสติกเพื่อการแพทย์ หรือ Medical Grade PVC Compound ซึ่งเป็นเม็ดพลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องแพทย์ เช่น ถุงบรรจุเลือด ถุงมือแพทย์ หลอดเข็มฉีดยา มีอัตราการเติบโตที่ดี โดยกำลังการผลิตปัจจุบันใช้อยู่เกือบ 100% ทั้งนี้กลุ่มเม็ดพลาสติกทางการแพทย์เติบโตค่อนข้างดี ก่อนหน้าจะเกิดวิกฤติโควิด-19
ส่วนปัจจุบันเริ่มมีสถานการณ์โควิด-19 เกิดขึ้นในประเทศอีกครั้ง ทำให้บริษัทกำลังมองหาช่องทาง เพื่อผลักดันการเติบโต หรือขยายฐานของกลุ่มเม็ดพลาสติกทางการแพทย์ ซึ่งบริษัทจะต้องเจรจากับพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่นก่อนว่าจะมีแนวทางอย่างไรในอนาคต
ส่วนธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์กาวและผลิตภัณฑ์ยาแนว โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์กาวบริษัทเป็นทั้งผู้ผลิต (OEM) และจำหน่ายผ่านตัวแทนที่ผ่านมาอาจจะทรงตัวบ้าง โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการส่งออกยังคงชะลอตัว อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจทุกๆ กลุ่มต่อจากนี้คือเรื่องวัตถุดิบ เพราะราคามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง และอาจส่งผลต่อต้นทุนการผลิตสินค้า อย่างไรก็ตามบริษัทจะติดตามราคาวัตถุดิบอย่างต่อเนื่อง และเจรจากับลูกค้าล่วงหน้า เพื่อปรับราคาขายให้สอดคล้องกับราคาต้นทุน
เดินตามแผน
ทั้งนี้บริษัทยังคงเดินหน้าธุรกิจตามแผน เพื่อผลักดันการเติบโต หรือมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% หรือมีรายได้แตะ 1.5-1.6 พันล้านบาท จากปี 2563 ที่ทำได้ 1.38 พันล้านบาท แม้ในแต่ละไตรมาสจะมีอุปสรรค แต่บริษัทจะพยายามผลักดันการเติบโตให้ได้ตามเป้าหมาย
นางสาวพรพิวรรณ กล่าวต่อว่า ด้านแผนการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ต่างประเทศ เพื่อแตกไลน์ธุรกิจเครื่องสำอาง(Cosmetic) ซึ่งไม่ใช่ธุรกิจหลักที่บริษัททำอยู่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อให้ได้ข้อสรุปและเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ ทั้งนี้รูปแบบการดำเนินงาน จะร่วมมือกับพาร์ทเนอร์จากไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายสินค้าคอสเมติกอันดับต้นๆ ของประเทศ และมีตัวแทนจำหน่ายกว่า 3 พันคน เพื่อร่วมมือกันผลิตสินค้าส่งออกจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศไทย
อ่านเพิ่มเติมคลิก
https://thunhoon.com/article/238492