#ADB #ทันหุ้น – ADB เล็งลงทุนธุรกิจใหม่ต่อยอดธุรกิจ พร้อมศึกษาจัดตั้งบริษัทในต่างประเทศ ฟากผู้บริหารระบุทิศทางครึ่งปีหลัง มุ่งแก้ปัญหาสต๊อกวัตถุดิบ พร้อมดันรายได้ทั้งปีแตะ 2 พันล้านบาท
นางสาวพรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB ผู้ประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์กาวสำหรับอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์ยาแนว เปิดเผยว่า สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงที่เหลือของปี 2565 บริษัทจะมุ่งเน้นแก้ปัญหาสต๊อกวัตถุดิบที่มีราคาค่อนข้างสูง ขณะที่ยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะต่ำกว่าครึ่งปีแรกจากปัจจุบันกำลังซื้อไม่ได้สูง เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ
** ต้นทุนวัตถุดิบสูง
นอกจากนี้ต้องจับตาด้านอัตราแลกเปลี่ยน เพราะวัตถุดิบถูกนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ต้นทุนอยู่ในระดับสูง ประกอบกับราคาน้ำมันอยู่ในทิศทางขาขึ้น คาดจะส่งผลเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาวัตถุดิบเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามมองว่าบริษัทยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่ต้องใช้ในอุตสาหกรรมหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมผลิตสายไฟฟ้า อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้าง รวมถึงอุตสาหกรรมเครื่องหนัง เป็นต้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเติบโตที่ล้อไปกับ GDP ของประเทศ เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และการลงทุนในรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน
นอกจากนี้บริษัทยังมองหาธุรกิจที่อื่นๆ ที่นอกเหนือธุรกิจเคมีเพื่อที่จะต่อยอดการเติบโต ซึ่งอยู่ระหว่างพูดคุยกับทางพันธมิตร รวมถึงหาข้อมูลต่างๆ ในการทำธุรกิจร่วมกันทั้งรูปแบบการควบรวมกิจการ (M&A) หรือการซื้อกิจการ รวมไปถึงการเข้าไปจัดตั้งบริษัทในต่างประเทศ
** ดันรายได้โต 2 พันล.
อย่างไรก็ตามบริษัทคาดรายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าที่ 2 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ 1.68 พันล้านบาท ขณะที่ความท้าทายในการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ คือการรักษาผลประกอบการให้เป็นบวก โดยบริษัทปรับตัวกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับต้นทุน และสถานการณ์ต่างๆ เพราะก่อนหน้านี้บริษัทประสบปัญหาเรื่องต้นทุนที่สูงมาก ตั้งแต่ปลายปี 2564 และกระทบถึงผลงานในไตรมาส 1/2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้เรียนรู้ พร้อมกับปรับตัว รับมือทั้งด้านราคาวัตถุดิบ ราคาขาย และบริษัทเริ่มเห็นดีมานด์เพิ่มขึ้นแล้ว
สำหรับไตรมาส 2/2565 ณ 30 มิถุนายน 2564 และ 2565 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 439.82 ล้านบาท และ 555.76 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 และ 2565 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 848.57 ล้านบาท และ 1,112.57 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนกำไรสุทธิ สำหรับ 6 เดือนแรกของปี 2565 จำนวน 0.27 ล้านบาท จากเดิมมีผลกำไรสุทธิ 66.69 ล้านบาท ลดลง 66.42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน