#ADB #ทันหุ้น – ADB จรดปากกาเซ็น MOU พาร์ตเนอร์ไต้หวัน ขยายตลาดกาว PU ในประเทศไทย แม่ทัพใหญ่ “พรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย” เร่งปั้นมาร์จิ้นสู่ระดับปกติที่ 80 ล้านบาท พร้อมขยายไลน์ผลิตกลุ่มเครื่องมือแพทย์ ปักเป้ายอดขายทะลุ 2 พันล้านบาท
นางสาวพรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB ผู้ประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์กาวสำหรับอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์ยาแนว เปิดเผยว่า ADB และ บริษัท PRAISE VICTOR INDUSTRIAL CO.,LTD (PVI) จากไต้หวัน ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ PU ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU) ถึงการร่วมมือกันของทั้ง 2 ฝ่ายในการขยายตลาดกาว PU สำหรับบรรจุภัณฑ์ในตลาดประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ชนิดอ่อน (Flexible Packaging)
โดยบริษัท PVI จะเป็นผู้จัดหาผลิตภัณฑ์และนำเสนอความรู้เชิงเทคนิค และ ADB จะเป็นผู้รับผิดชอบด้านการตลาด และการจำหน่ายสินค้าในประเทศไทย เบื้องต้นคาดจะผลิตสินค้าที่โรงงานไต้หวัน และนำเข้าจำหน่ายในประเทศไทย ส่วนเรื่องยอดขายบริษัทอาจต้องพูดคุยกับทีมการตลาดอีกครั้ง เพื่อพัฒนาสร้างตัวเลขยอดขายให้ชัดเจน
บริษัทประเมินอุตสาหกรรมและดีมานด์การใช้กาว PU สำหรับบรรจุภัณฑ์ในตลาดประเทศไทยมีปริมาณการใช้สูง โดยหลังจากลงนาม MOU แล้ว บริษัทจะศึกษาตลาด และทำแผนการขายให้ชัดเจน คาดจะอัพเดตแผนได้ไตรมาสถัดไป
ขณะที่ทิศทางธุรกิจและผลประกอบการปี 2566 บริษัทคาดรายได้จะเติบโตไม่มาก และจะเน้นการผลักดันอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ให้กลับมาสู่ระดับปกติที่ 70-80 ล้านบาท โดยมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้นจะมาจากการปรับราคาขาย และการจำหน่ายสินค้าใหม่ที่ร่วมมือกับ PVI
นอกจากนี้คาดการขยายไลน์Medical Grade PVC Compound หรือกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์จะช่วยเสริมผลประกอบการให้เติบโตให้ชัดเจน คาดจะเริ่มไลน์ผลิตใหม่ได้ในเร็วๆ นี้ บริษัทมีแผนจะปรับโครงสร้างธุรกิจPVC Compound และผลิตภัณฑ์ยาแนวให้เข้าที่มากกว่านี้ คาดจะช่วยให้ธุรกิจเกิดความคล่องตัวและขยายกิจการได้ดียิ่งขึ้น
ขณะที่ช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทคาดจะเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาส 2/2565 บริษัทมีผลประกอบการดีกว่าไตรมาสแรก ส่วนไตรมาส 3/2565 คาดจะดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2565 ซึ่งประเมินทิศทาง 3 เดือนสุดท้ายเป็นไปในทางที่ดี ส่วนภาพรวมปีนี้ทิศทางรายได้น่าจะทำได้เกินเป้า 2 พันล้านบาท เพราะ 9 เดือนแรกปีนี้วอลุ่มการจำหน่ายสินค้าเติบโตถึง 25% ซึ่งเป็นการเกณฑ์การเติบโตที่ดี
“ยอดขายปีนี้น่าจะเติบโตได้ดี และน่าจะทำได้เกิน 2 พันล้านบาท เพราะยอดขายจากต้นปีจนถึงตอนนี้เติบโตถึง 25% ส่วนกำไรเราต้องยอมรับว่าสู้ปีที่แล้วไม่ได้ เพราะต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูง แต่ในปีหน้าเราจะให้ความสำคัญกับการผลักดันกำไรให้เติบโตดีกว่าปีนี้ ส่วนภาพธุรกิจและผลงานช่วงที่เหลือค่อยๆปรับตัวดีขึ้นซึ่งจะเห็นจากไตรมาส 2 และยาวมาถึงไตรมาส 3 และ 4” นางสาวพรพิวรรณ กล่าว
อนึ่ง ไตรมาส 2/2565 ณ 30 มิถุนายน 2564 และ 2565 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 439.82 ล้านบาท และ 555.76 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 และ 2565 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 848.57 ล้านบาท และ 1,112.57 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนกำไรสุทธิ สำหรับ 6 เดือนแรกของปี 2565 จำนวน 0.27 ล้านบาท จากเดิมมีผลกำไรสุทธิ 66.69 ล้านบาท ลดลง 66.42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน