นายจิรวัฒน์ อัครานุพรพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีการเงิน บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เพื่ออนุมัติแผนการเติบโตปี 2566 ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ เบื้องต้นคาดรายได้รวมจะเติบโตประมาณ 10–15% จากการจำหน่ายพลาสติกคอมปาวด์และผลิตภัณฑ์กาว ยาแนว รวมถึงบริษัทจะรักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ให้อยู่ที่ระดับ 4-5% และอัตราการกำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้อยู่ที่ระดับ 15% โดยบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบ และการผลิตให้คงที่เพราะ 80-90% บริษัทมีต้นทุนจากวัตถุดิบ หากต้นทุนอยู่ในระดับปัจจุบัน คาดจะทำให้ภาพต้นทุนผลิตของบริษัทดูดี เมื่อเทียบช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ล่าสุดบริษัทปรับโครงสร้างธุรกิจโดยโอนกิจการธุรกิจผลิตภัณฑ์กาว ผลิตภัณฑ์ยาแนว และผลิตภัณฑ์ดีไอวาย ไปยังบริษัทย่อย ซึ่ง ADB จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ และถือหุ้น 100%คาดจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2566 โดยภายหลังโอนกิจการเรียบร้อยแล้ว จะยังคงดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายพลาสติกคอมปาวด์เช่นเดิม ทั้งนี้การปรับโครงสร้างดังกล่าวจะทำให้บริษัทสามารถดำเนินการตามกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้บริษัทจะมีการเพิ่มกำลังการผลิต 2 ไลน์การผลิต สำหรับเม็ดพลาสติกทางการแพทย์ (Medical Grade PVC Compound) ซึ่งสร้างยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยติดตั้งแล้วเสร็จทั้งหมด โดยเริ่มเดินเครื่องการผลิตตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/2565 นี้ และปัจจุบันเริ่มมียอดขายทยอยเข้ามาแล้ว อีกทั้งในปี 2566 จะมีแผนการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีกด้วย ทางด้านธุรกิจ BIO และ Health Care บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนของสินค้าประเภทนี้มากขึ้น เพราะเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างการเติบโตและตอบแทนให้ระดับสูง
ส่วนธุรกิจผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ กาวสำหรับอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์ยาแนว บริษัทยังเน้นตลาดส่งออก โดยจะขยายตลาดเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทขยายตลาดส่งออกไปค่อนข้างมาก ตามดีมานด์หรือความต้องการใช้ธุรกิจผลิตภัณฑ์กาว ยาแนว โดยเฉพาะประเทศแอฟริกาใต้ ตะวันออกกลาง ตลาดเปิดกว้าง สำหรับสัดส่วนการขายสินค้ากลุ่มดังกล่าวในประเทศ 40% และต่างประเทศ 50-60%